Periodization ในการฝึกความแข็งแรง

Progressive overload training

Read this article in English

การวางแผนแบบ Periodization เป็นกลยุทธ์ในการจัดตารางการออกกำลังกายเพื่อป้องกันการหยุดชะงักในการพัฒนา (plateau) โดยการปรับเปลี่ยนองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น น้ำหนักที่ยก จำนวนครั้ง (reps) หรือจำนวนเซ็ต (sets) Periodization ช่วยให้คุณพัฒนาต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงต่อการฝึกหนักเกินไป และบรรลุเป้าหมายการออกกำลังกายได้ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือมีประสบการณ์หลายปีแล้ว การวางแผนแบบ Periodization จะช่วยให้คุณฝึกอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น

การวางแผนแบบ Periodization คืออะไร?

การวางแผนแบบ Periodization หมายถึงการแบ่งการฝึกออกเป็นช่วง ๆ โดยแต่ละช่วงมีเป้าหมายเฉพาะ เช่น การเพิ่มความแข็งแรง การสร้างกล้ามเนื้อ หรือการพัฒนาความอึด (endurance – ความทนทาน) ช่วงเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณพัฒนาทีละขั้น การเปลี่ยนจุดโฟกัสในแต่ละช่วงเวลาไม่เพียงช่วยให้ร่างกายปรับตัว แต่ยังช่วยให้ความก้าวหน้าดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ความแตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงแบบ Variation

การวางแผนแบบ Periodization และหลักการ Variation (การเปลี่ยนแปลง) มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ได้หมายถึงสิ่งเดียวกัน Variation หมายถึงการปรับเปลี่ยนส่วนต่าง ๆ ของการออกกำลังกาย เช่น ท่าออกกำลังกาย จำนวนเซต (sets) หรือจำนวนครั้ง (reps) เพื่อสร้างความท้าทายให้กับร่างกาย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มักได้รับการกำหนดโดยหลักการ เช่น Progressive Overload เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ในทางตรงกันข้าม Periodization คือการจัดระเบียบการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้เป็นแผนระยะยาวที่มีโครงสร้างชัดเจน แต่ละช่วงจะมีจุดมุ่งหมายเฉพาะ เช่น การพัฒนาความแข็งแรง การสร้างกล้ามเนื้อ หรือการเพิ่มความทนทาน ทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการออกกำลังกายของคุณ

Dumbbell benchpress

Periodization เปลี่ยนแปลงหลักการ Specificity หรือไม่?

Periodization ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องละทิ้งหลักการ Specificity แต่เป็นการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น Specificity มีบทบาทในการทำให้การฝึกของคุณสอดคล้องกับเป้าหมายสุดท้าย เช่น การสร้างความแข็งแรงหรือการพัฒนาความทนทาน

Periodization ทำงานภายในกรอบนี้โดยการปรับวิธีที่คุณเข้าถึงเป้าหมายในระยะยาว ตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายของคุณคือการเพิ่มความแข็งแรง คุณอาจรวมช่วงเวลาที่เน้นการสร้างกล้ามเนื้อ (Hypertrophy) หรือการปรับปรุงการฟื้นตัวและความทนทาน แต่ละช่วงจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายเดียวกัน พร้อมทั้งจัดการในแง่มุมต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อความสำเร็จในระยะยาว

Strength Training กับ Bodybuilding

เมื่อ Strength Training รวมช่วง Hypertrophy (การเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ) เข้าไปด้วย คุณอาจสงสัยว่า Strength Training กับ Bodybuilding มีความแตกต่างกันจริงหรือ?

คำตอบคือ มีความแตกต่าง Strength Training ใช้ช่วง Hypertrophy เพื่อสร้างกล้ามเนื้อที่ช่วยรองรับการเพิ่มความแข็งแรงสูงสุด เป้าหมายหลักคือการยกน้ำหนักที่หนักขึ้นและเพิ่มการผลิตแรง ในทางกลับกัน Bodybuilding มุ่งเน้นที่ความสวยงามของรูปร่างเป็นหลัก โดยให้ความสำคัญกับการสร้างกล้ามเนื้อขนาดใหญ่และสมดุล มากกว่าการเพิ่มความแข็งแรง Bodybuilders มักใช้เวลามากในช่วง Hypertrophy และให้ความสำคัญน้อยกับการฝึกที่มุ่งเน้นความแข็งแรง เพราะเป้าหมายคือรูปร่าง ไม่ใช่ประสิทธิภาพการออกแรง

Deep squats

ประเภทของ Periodization ใน Strength Training

การวางแผนแบบ Periodization สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความชอบของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่:

  1. Linear Periodization
    การวางแผนแบบ Linear Periodization จะค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น (น้ำหนักที่ยก) พร้อมกับลดปริมาณ (จำนวนครั้งหรือเซ็ต) ลงทีละน้อยตามช่วงเวลา เป็นการประยุกต์ใช้หลัก Progressive Overload อย่างเป็นระบบ แม้ว่าปริมาณจะลดลงเมื่อความเข้มข้นเพิ่มขึ้น แต่ความเครียดโดยรวมที่ร่างกายได้รับยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น และคนที่ต้องการพัฒนาความแข็งแรงในระยะยาว
    ที่ Studio X เราแนะนำวิธีนี้สำหรับคนที่อยากเน้น Strength Training แต่มีเวลาจำกัด เพราะช่วยลดความซับซ้อนของการฝึก แต่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้เวลาเพียง 30 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เท่านั้น
  2. Undulating Periodization
    วิธีนี้เปลี่ยนความเข้มข้น (intensity) และปริมาณ (volume) บ่อยครั้ง บางครั้งอาจปรับเปลี่ยนภายในสัปดาห์เดียวกัน ตัวอย่างเช่น วันหนึ่งอาจเน้นความแข็งแรงด้วยการยกน้ำหนักหนักและจำนวนครั้งต่ำ ขณะที่อีกวันจะเน้นความทนทาน (endurance) ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าและจำนวนครั้งที่สูงขึ้น ความหลากหลายนี้ช่วยให้การออกกำลังกายไม่น่าเบื่อและช่วยลดโอกาสเกิด plateau
    ที่ Studio X เราชื่นชอบการใช้รูปแบบ Daily Undulating Periodization (DUP) สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงของสิ่งกระตุ้นช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น และพัฒนากล้ามเนื้อ (muscle fibers), ประสิทธิภาพของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (neuromuscular efficiency), และระบบพลังงาน (bioenergetics) ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อการปรับปรุงองค์ประกอบของร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. Block Periodization
    การฝึกถูกแบ่งออกเป็นช่วง ๆ (blocks) โดยแต่ละช่วงมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น ช่วงแรกอาจเน้นที่การเพิ่มกล้ามเนื้อ (hypertrophy), ช่วงต่อมาเน้นความแข็งแรง (strength), และช่วงสุดท้ายเน้นพลังสูงสุด (power)
    Block Periodization เป็นที่นิยมในกีฬาระดับมืออาชีพและผู้ที่มีเป้าหมายด้านประสิทธิภาพที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ที่ Studio X เรามุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและกว้างขวางกว่า
Science behind strength training

5 ข้อผิดพลาดทั่วไปในการทำ Periodization

  1. การละเลยการฟื้นฟู
    ไม่ว่าคุณจะใช้วิธี Linear หรือ Undulating Periodization การฟื้นฟูเป็นสิ่งสำคัญต่อความก้าวหน้า การข้ามวันพักหรือฝึกหนักเกินไป (Overtraining) อาจนำไปสู่ภาวะเหนื่อยล้า การบาดเจ็บ และความก้าวหน้าที่หยุดชะงัก
  2. การติดตามผลไม่สม่ำเสมอ
    อีกข้อผิดพลาดหนึ่งคือไม่ติดตามความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ การทำ Periodization ให้ได้ผลขึ้นอยู่กับการเพิ่มภาระอย่างต่อเนื่อง (Progressive Overload) หากไม่มีการติดตามที่ชัดเจน จะยากที่จะรู้ว่าคุณกำลังพัฒนาด้านความแข็งแรงหรือไม่ หรือควรปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง
  3. การทำโปรแกรมให้ซับซ้อนเกินไป
    บางคนพยายามทำ Periodization ให้ซับซ้อนเกินไป เช่น เพิ่มความหลากหลายมากเกินหรือเปลี่ยนแปลงบ่อยเกินไป สิ่งนี้อาจทำให้เกิดความสับสนและขาดความสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาระยะยาว หากต้องการทราบว่าความสม่ำเสมอมีความสำคัญอย่างไร คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ Consistency ของเรา! ให้เริ่มจากสิ่งที่เรียบง่ายและให้ร่างกายปรับตัวกับแต่ละช่วงได้อย่างเหมาะสม
  4. การข้ามช่วงการฝึก
    การข้ามช่วง Hypertrophy เพื่อไปโฟกัสที่ Strength อาจดูน่าสนใจ แต่การทำเช่นนั้นจะจำกัดศักยภาพของคุณในระยะยาว Hypertrophy เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนากล้ามเนื้อที่จำเป็นต่อการสร้างความแข็งแรงสูงสุด ดังนั้น อย่ามองข้ามช่วงนี้
  5. การเพิกเฉยต่อความต้องการเฉพาะบุคคล
    ร่างกายและระดับความฟิตของแต่ละคนตอบสนองต่อแผน Periodization ไม่เหมือนกัน การวางแผนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้โดยไม่เสี่ยงต่อการฝึกหนักเกินไปหรือเบาเกินไป อย่าลืมฟังร่างกายของตัวเอง!